งานดูแลสระว่ายน้ำ คืออะไร?

หากเราจะพูดถึงเรื่องสระว่ายน้ำ เราก็จะมักพูดถึงเรื่องขนาดของสระว่ายน้ำ ระบบการฆ่าเชื้อโรคภายในสระว่ายน้ำ สิ่งเหล่านี้คือภาพรวมทั้งหมดของงานสระว่ายน้ำ แต่เมื่อเราสร้างสระว่ายน้ำเสร็จแล้ว สิ่งที่เราจะต้องให้ความสำคัญมากที่สุดก็คือ การดูแลรักษาคุณภาพ ของน้ำในสระว่ายน้ำ และการดูแลรักษาคุณภาพของอุปกรณ์สระว่ายน้ำ  หรือเราเรียกสั้นๆว่า การดูแลสระว่ายน้ำ

การดูแลสระว่ายน้ำ

เราจำเป็นต้องดูแลสระว่ายน้ำทุกวันไหม?

โดยปกติทั่วไป บริษัทที่รับทำการดูแลสระว่ายน้ำ จะเสนอเข้าทำการทำความสะอาดสระว่ายน้ำ อาทิตย์ละ 2 ครั้ง หรือเดือนละ 8 ครั้ง ยกตัวอย่างเช่น ช่างที่ดูแลสระว่ายน้ำจะเข้าทำความสะอาดสระว่ายน้ำในทุก วันจันทร์กับวันพฤหัส หรือวันอังคารกับวันศุกร์ เนื่องจากสระว่ายน้ำจะต้องมี คลอรีน คอยหล่อเลี้ยงตลอดเวลา เพื่อป้องกันปัญหาสระว่ายน้ำเขียว เราจึงไม่ควรเว้นช่วงระยะการเข้าดูแลสระนานเกินไป เพราะเนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศเมืองร้อน ทำให้คลอรีนระเหยได้เร็ว หรือ เมื่อเกิดฝนตก น้ำฝนที่ลงมาที่สระจะทำให้คลอรีนเจือจาง ก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาสระว่ายน้ำเขียวตามมานั่นเอง

ยกตัวอย่างการทำงาน วันจันทร์ ช่างเข้าทำการดูดตะกอน ขัดพื้นขัดผนัง ทำการวัดคุณภาพน้ำด้วยชุดเทสคิด หากพบว่า น้ำในสระว่ายน้ำเริ่ม ไม่มีคลอรีน ทางช่างก็จะทำการเติมคลอรีน หากเป็น สระว่ายน้ำระบบเกลือ ก็จะทำการเติมเกลือลงไปที่สระแทน และเครื่องจะทำการแปลงความเค็มให้เป็นแก๊สคลอรีน เฉลี่ย การเข้าทำงานดูแลสระว่ายน้ำ ครั้งหนึ่งอยู่ที่ประมาณ 30 ถึง 40 นาที

วันพฤหัสบดี ก็จะทำงานคล้ายกับวันจันทร์ก็คือ การดูตะกอน การขัดพื้นผนัง แต่อาจจะเพิ่มเติมด้วยการ ทำความสะอาดอุปกรณ์ หากเช่น ลูกค้าใช้ถังกรองผ้า ทางช่างก็จะนำ เป็นผ้ากรองออกมาล้าง ทำความสะอาด หากลูกค้าใช้ถังกรองทรายก็จะทำการ backwach เพื่อให้การกรองน้ำมีประสิทธิภาพมากขึ้น และขจัดของเสีย ที่อยู่ในถังกรองทิ้ง ก็จะทำให้ สระว่ายน้ำใสตลอดเวลา และก่อนกลับ ช่างจะทำการวัดคุณภาพคลอรีนในน้ำด้วยชุดเทสคิท หากพบว่าในสระว่ายน้ำ ยังมีคลอรีนอยู่ ก็ยังไม่จำเป็นต้องเติม แต่หากพบว่า ในสระว่ายน้ำ คลอรีนเริ่มลดลง ก็จะทำการเติมคลอรีนเพิ่มเข้าไป

ขั้นตอนการทำงาน การดูแลสระว่ายน้ำ

การดูแลสระว่ายน้ำ
การดูดตะกอนที่พื้นสระว่ายน้ำ

                      ขั้นตอนที่ 1 การดูดตะกอน โดยปกติเมื่อมีเศษใบไม้เศษฝุ่นละออง เวลาที่โดนน้ำ ก็จะลงไปนอนอยู่ที่พื้นสระ และเมื่อทิ้งไว้นานๆก็จะเริ่มเป็นตะไคร่ จะทำให้มีปัญหาน้ำเขียวตามมา ขั้นตอนนี้ เราจะใช้อุปกรณ์ดังนี้ 1 ล้อดูดตะกอน 2 สายดูตะกอน 3 ด้ามดูดตะกอน เมื่อทำการต่ออุปกรณ์เสร็จเรียบร้อย ช่างจะต้องเดินไปเปิดที่ วาล์วดูดตะกอน ขั้นตอนนี้ต้อง ต้องใช้ความใจเย็นและปราณีต ในการดูดตะกอนแต่ละครั้ง เพราะถ้าหากเราเลื่อนล้อดูตะกอนเร็ว หรือแรงเกินไปจะทำให้ตะกอนที่พื้น ฟุ้งกระจาย และจะไม่สามารถดูดตะกอนได้ ดังนั้น ช่างที่ดูแลสระว่ายน้ำ จะต้องมีความใจเย็น ขั้นตอนนี้อาจกินเวลาถึง 20 ถึง 40 นาที ขึ้นอยู่กับขนาดของสระว่ายน้ำ

                 

                      ขั้นตอนที่ 2 การขัดพื้นและผนัง ขั้นตอนนี้จะเป็นการเก็บรายละเอียด ของงานดูแลสระว่ายน้ำ เพราะเนื่องจากบางครั้ง เศษฝุ่นตะกอน ก็ไม่สามารถดูดขึ้นมาได้ หรืออาจจะอยู่ตามร่องยาแนว ทำให้ยังมีสิ่งสกปรกค้างคาอยู่ในสระ ว่ายน้ำ ดังนั้นเราควรจำเป็นจะต้องขัดสระว่ายน้ำ เพื่อจะ กำจัดสิ่งสกปรกที่ อยู่ตามขอบตามมุมต่างๆของสระว่ายน้ำ

                      ขั้นตอนที่ 3 การล้างทำความสะอาดถังกรอง
แบ่งได้เป็น 2 กรณี 1 กรณีที่ลูกค้าใช้ ถังกรองทราย เราจะทำการ Backwach หมายถึงการ ทิ้งน้ำสกปรกที่ ที่เราเพิ่งดูดตะกอนมา และทำการทิ้งน้ำที่อยู่ในถังกรองนี้ออกไป เพื่อให้ภายใน ถังกรองกลับมาใสสะอาด และพร้อมจะทำงานต่อไป

การแบ็ควอชถังกรองทราย
การแบ็ควอชถังกรองทราย

กรณีที่ 2 หากลูกค้าใช้ ถังกรองผ้า การล้างทำความสะอาดถังกรองผ้าจะต้อง นำแผ่นผ้ากรองออกมาล้างโดยการฉีดน้ำสะอาดไล่ทีละแผ่นจนกว่าสิ่งสกปรกจะ หายไป แต่จุดสังเกตของถังกองผ้าก็คือทุกครั้งที่ล้างผ้ากรอง จะต้องทำการเติม ผงกรอง ลงไปที่ตัวแผ่นผ้าด้วย ตัวของผงกรอ งจะมีหน้าที่ช่วยดักจับเศษฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็ก ไม่ให้ไหลกลับไปที่สระ ทางกรองผ้า จึงได้ชื่อว่าเป็นทางกรองที่มีความ ละเอียดมากที่สุด

ขั้นตอนที่ 4 การวัดคุณภาพน้ำด้วย Testkit

ขั้นตอนนี้ช่างจะนำตัวอย่างน้ำในสระว่ายน้ำ เติมไปยังหลอดแก้ว และทำการหยอดน้ำยาทั้งฝั่งคลอรีนและฝั่งพีเอส เพื่อเราจะได้รู้ว่า ตอนนี้คุณภาพน้ำในสระนั้น มีคลอรีนหรือไม่ เป็นกรดหรือเป็นด่างหรือไม่ เพื่อที่จะทำการเติมสารเคมีลงไปช่วยปรับสภาพน้ำให้สมดุล ทำให้น้ำไม่ เขียว และจะได้ตามที่ใสสะอาดตลอดเวลา

ขั้นตอนที่ 5 การตรวจสอบอุปกรณ์ภายในห้องเครื่อง

ก่อนกลับทุกครั้ง ช่างที่ดูแลสระว่ายน้ำ จำเป็นจะต้องตรวจสอบตำแหน่งเปิดปิดของวาล์ว ให้อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง เพื่อให้การทำงานของระบบสระว่ายน้ำเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และเพื่อช่วยยืดอายุการทำงานของอุปกรณ์ภายในห้องเครื่องอีกด้วย

สรุปการดูแลสระว่ายน้ำ   มีความจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะถ้าสระว่ายน้ำขาดการดูแลอย่างต่อเนื่อง ก็จะทำให้มีปัญหาตามมาอย่างมาก เช่นปัญหาน้ำเขียว ปัญหาน้ำขุ่น รวมไปถึง อุปกรณ์ภายในห้องเครื่องเสียหายชำรุด เนื่องจากขาดคนที่เข้ามาดูแล ดังนั้น เราจึงควรจะ มีการดูแลสระว่ายน้ำ อย่างต่อเนื่อง เป็นระบบ และที่สำคัญ เจ้าหน้าที่ที่ดูแลสระว่ายน้ำ จะต้องมีความรู้ความสามารถ รู้จักอุปกรณ์ รู้จักการปรับสภาพน้ำ เป็นอย่างดี เพื่อที่จะทำให้ สระว่ายน้ำของท่านการใส่สะอาดหน้าลงเล่นตลอดปี


หากลูกค้าที่มีสระว่ายน้ำแล้ว กำลังมองหาทีมงานดูแลสระว่ายน้ำมืออาชีพ โทรมาสอบถามราคาได้ที่ 095 616 6299 ช่างเกียว

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *